เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ หลายคนคงนึกถึงวันวาเลนไทน์ เทศกาลแห่งความรักของคนทั่วโลก แต่สำหรับคนจีนแล้ว ยังมีอีกวันที่นับว่าเป็นวาเลนไทน์เหมือนกัน
七夕节 -ชีซีเจี๋ย วันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ถ้าในปฏิทินสากล จะอยู่ในเดือนสิงหาคมของทุกปี นับว่าเป็นเทศกาลแห่งความรักของจีน และหลายประเทศในเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น(เทศกาลทานาบาตะ) ฮ่องกง เวียดนาม และเกาหลี
เทศกาลนี้เกี่ยวข้องกับดวงดาวและนิทานโบราณ คือเรื่องของสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัว ตามตำนานเล่าว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า หนิวหลาง (牛郎 แปลว่า หนุ่มเลี้ยงวัว) มีวัวแก่ 1 ตัวเป็นเพื่อน อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญไปพบนางฟ้า 7 องค์กำลังอาบน้ำในลำธาร เจ้าวัวจึงช่วยให้หนิวหลางขโมยเสื้อผ้าของนางฟ้ามา เมื่อนางฟ้าทั้งเจ็ดเล่นน้ำเสร็จ แล้วหาเสื้อผ้าของตนไม่พบ จึงให้น้องสาวคนสุดท้องที่สวยที่สุด คือ จือหนี่ว์ (织女 แปลว่า สาวทอผ้า) มาเจรจาขอเสื้อผ้าคืน หนิวหลางขอให้นางแต่งงานกับเขา และนางก็ยินยอม นางฟ้าผู้พี่ทั้งหมดจึงได้กลับคืนสู่สวรรค์ ส่วนจือหนี่ว์ได้อาศัยอยู่กับหนิวหลาง มีลูกด้วยกัน 2 คน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
หนิวหลางแอบขโมยเสื้อผ้าของเหล่านางฟ้าที่มาเล่นน้ำ
แต่เมื่อเจ้าแม่หวังหมู่ทรงรู้เรื่องนี้เข้าจึงโกรธมาก สั่งให้จือหนี่ว์กลับสวรรค์ และต่อมาเจ้าวัวก็ป่วยตาย ก่อนตายมันได้บอกแก่หนิวหลางว่า ให้ใช้หนังวัวคลุมไหล่เพื่อเหาะขึ้นสวรรค์ไป หนิวหลางจึงคลุมไหล่ด้วยหนังวัว นำลูกทั้ง 2 คนเหาะไปยังสวรรค์เพื่อตามหาจือหนี่ว์
เจ้าแม่หวังหมู่จึงใช้ปิ่นเงินบนพระเศียรขีดเส้นบนฟ้า กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ขวางกั้นไม่ให้หนิวหลางและจือหนี่ว์มาพบกันได้
เหล่านกบนสวรรค์รวมกันสร้างเป็นสะพานเพื่อให้หนุ่มเลี้ยงวัวและสาวทอผ้าได้มาพบกัน
ต่อมา เหล่านกสี่เชว่ (喜鹊) บนสวรรค์รู้สึกซาบซึ้งใจกับความรักของคนทั้งสอง ในทุกวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 7 ของทุกปี มันจะรวมปีกกันสร้างเป็นสะพาน ให้หนิวหลางและจือหนี่ว์ได้มาพบกัน และเมื่อเจ้าแม่หวังหมู่ทรงทราบ จึงได้ตอบตกลงให้ทั้งสองมาพบกันได้ในทุกวันนี้ของปี
หนุ่มเลี้ยงวัวและสาวทอผ้าได้มาพบกันในวันขึ้น7ค่ำเดือน7 หรือเทศกาลชีซีของทุกปี
photo credit : epochtimes.com
เทศกาลชีซีเจี๋ย ที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ถูกขึ้นทะเบียนเป็น 1 ในมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของชาติจีน มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับความรู้ด้านดาราศาสตร์ของคนจีนโบราณอีกด้วย ในวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 7 ในฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆบัง เราจะเห็นทางช้างเผือกทอดตัวยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ มีดาวฤกษ์ 2 ดวงสว่างสุกใสอยู่คนละด้านของทางช้างเผือก คือดาวเวก้า (Vega) ตัวแทนของจือหนี่ว์ และดาวอัลแทร์ (Altair) ตัวแทนของหนิวหลาง
ในสมัยโบราณ เทศกาลชีซีไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของความรักแต่อย่างใด ตามประเพณีเน้นการเฉลิมฉลองให้แก่เด็กผู้หญิง กิจกรรมในวันนั้นจะเกี่ยวข้องกับไหวพริบและสติปัญญา เป็นวันสำคัญที่สุดของเด็กผู้หญิงในสมัยโบราณ โดยตอนเย็นจะมีงานฉลอง ทุกคนต้องกลัดเข็มเย็บผ้าไว้ในเสื้อ เป็นเคล็ดเพื่อให้มีสติปัญญาแหลมคม มีการขอพรจากเทพเจ้าฮกลกซิ่ว และพี่สาวน้องสาวทั้งเจ็ดหรือดาวลูกไก่นั่นเอง
และยังเป็นวันที่ผู้หญิงจะทำพิธีบวงสรวงด้วยผลไม้ ไหว้เทพธิดาจือหนี่ว์ที่ถือว่าเป็นเทพแห่งการเย็บปักถักร้อย ขอพรจากเธอให้มีความสามารถและสติปัญญา รวมทั้งขอคู่ครองที่ดีและการแต่งงานที่มีความสุขให้แก่ตนเอง เนื่องจากโบราณนั้น ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในการแต่งงานของตัวเอง จึงต้องอธิษฐานขอพรจากฟ้า ที่เป็นความหวังเดียวของพวกนาง
ในวันชีซียังมีอีกหลายประเพณีสำหรับผู้หญิง เช่น การแข่งการร้อยด้ายเข้ารูเข็ม ประเพณีดูเงาของเข็ม หรือการแข่งแมงมุมชักใย
ในปัจจุบัน ด้วยวัฒนธรรมแบบตะวันตกที่เข้ามาในจีน และเหตุผลทางการตลาดทั้งหลาย ทำให้เทศกาลชีซีถูกนำไปโยงกับความรักหนุ่มสาวมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ กิจกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ไม่ต่างกับในวันวาเลนไทน์เลย เช่น การหาของขวัญให้กับคนรัก หรือสามีภรรยาชวนกันไปดินเนอร์หวานแหววอีกครั้ง หรือแม้แต่หนุ่มสาวพากันไปไหว้พระ ขอพรให้ lucky in love ซะที กับวัดดังหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ำลือว่าช่วยในด้านความรัก อย่างวัดหวังต้าเซียนที่ฮ่องกง หรือวัดหลงซานในไทเป
ส่วนเราเชื่อว่า ถ้าคิด พูด และทำแต่สิ่งดีมีประโยชน์กับตัวเอง ครอบครัวและสังคม เชื่อว่ายังไงก็จะมีคนดีๆเข้ามาหาเราแน่นอนค่ะ
เรียบเรียงจาก
...................................
subscribe รับข่าวสารทางอีเมล์ ที่นี่ เราสัญญาว่าจะส่งแต่บทความที่มีประโยชน์และโปรโมชั่นเด็ดไปให้ :)
......................................