ซูสีไทเฮา (Empress Dowager Cixi ออกเสียงแบบจีนกลางว่า ฉือสี่ไถ้โฮ่ว 慈禧太后) สตรีผู้ก้าวจากสามัญชน สู่การปกครองจีนหลังม่านถึง 3 ฮ่องเต้ ผู้กุมอำนาจสมัยปลายราชวงศ์ชิงอย่างแท้จริง
ในช่วงที่ราชวงศ์สั่นคลอน เต็มไปด้วยความระส่ำระสาย พระคลังว่างเปล่า การเมืองภายในคุกรุ่น การล่าอาณานิคมแผ่ขยายเข้ามา ซูสีไทเฮารวมอำนาจไว้ที่ตนเ องเพื่อสั่งการแทนฮ่องเต้ ปกป้องจีนจากการรุกรานของจักรวรรดิ์ตะวันตก (รวมถึงปกป้องอำนาจของตัวเองด้วย)
บางคนมองว่าซูสีไทเฮาเป็นผู้ร้าย เธอเป็นคนทำให้ต้าชิงล่มสลาย แต่บางความเห็นก็ว่า ซูสีไทเฮาไม่ใช่คนเก่งเลิศเลอ เธอทำดีที่สุดแล้ว ณ สถานการณ์ตอนนั้น สามารถประคองราชวงศ์ให้อยู่รอดผ่านสมัยตนเองไปได้ก็ถือว่าโอเคแล้ว
photo from internet
อย่างไรก็ตาม นอกจากด้านการเมืองแล้ว ซูสีไทเฮาได้สร้างคุณประโยชน์ให้เป็นที่จดจำหลายอย่าง ในแง่ของศิลปวัฒนธรรม พระนางเป็นผู้บูรณะพระราชวังฤดูร้อนขึ้นมาใหม่ หลังจากถูกทำลาย(บางส่วน)และทิ้งร้างมาหลายปี ตั้งแต่ปลายสมัยเฉียนหลงฮ่องเต้
พระราชวังฤดูร้อน อี๋เหอหยวน (Summer Palace, Beijing) อุทยานหลวงที่งดงามที่สุดของจีน ได้รับการยกย่องจากUNESCO ให้เป็นมรดกโลก เพราะมีความงามเป็นเลิศที่สรรสร้างจากทั้งมนุษย์และธรรมชาติ จุดเด่นคือ ทะเลสาบคุนหมิงอันกว้างใหญ่ที่ขุดด้วยแรงงานคนจำนวนมหาศาล และภูเขาที่ถมขึ้นจากดินที่ขุดทะเลสาบ
พระราชวังฤดูร้อนมีความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวและคนทั่วไป ในหน้าร้อนจะมีเรือถีบให้บริการเป็นที่สนุกสนาน ส่วนในหน้าหนาวทะเลสาบคุนหมิงจะกลายเป็นลานสเก็ตขนาดใหญ่ คนท้องถิ่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างรอคอยความสนุก ในวันที่แสนจะหนาวเหน็บ
ในอี๋เหอหยวนมีสิ่งก่อสร้างและของที่น่าสนใจมากมาย เพราะมีพื้นที่ตั้ง 1,800 ไร่ แต่ที่ทุกคนไปแล้วต้องถ่ายรูป อย่างแรกก็คงเป็นเรือหินอ่อนของซูสีไทเฮา
เรือหินอ่อนเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบคุนหมิง ดูภายนอกเป็นอาคารสีขาวเทา 2 ชั้น มีซุ้มโค้งแบบตะวันตก เดิมแต่ก่อนให้นักท่องเที่ยวลงไปบนเรือ เข้าไปถ่ายรูปได้ แต่เนื่องจากทำให้อาคารเสียหายมาก ตอนนี้จึงมีการกั้นพื้นที่ไม่ให้ลงไปแล้ว
เรือหินอ่อนนี้ (จีนกลางเรียกว่า สือฝ่าง 石舫) เฉียนหลงฮ่องเต้เป็นผู้ให้สร้างขึ้น ในตอนแรกเป็นอาคาร 2 ชั้นแบบจีนโบราณ ต่อมาเมื่อถูกทหารอังกฤษและฝรั่งเศสเผาจนเหลือแต่ฐาน พระนางซูสีไทเฮาจึงโปรดให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่เป็นตึกแบบฝรั่ง ตามที่เห็นในปัจจุบัน
ที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่เรียกกันว่าเรือหินอ่อนนั้น จริงๆแล้วไม่ได้ทำจากหินอ่อนทั้งหมด ว่ากันว่าซูสีไทเฮาเอางบทางทหารของกองทัพเรือมาซ่อมเรือที่แล่นไม่ได้ลำนี้ แล้วงบประมาณก็ไม่ได้เพียงพอให้ใช้วัสดุราคาแพงอย่างหินอ่อน เสาที่เห็นทั้งหมดจึงเป็นเสาไม้เขียนลายหินอ่อน ซึ่งการเขียนลายหิน ถือเป็นเทคนิคขั้นสุดยอดของงานสถาปัตยกรรมจีนอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
ภาพถ่ายใกล้ๆของเรือหินอ่อนในฤดูหนาว เมื่อสามารถลงไปเก็บภาพจากด้านทะเลสาบได้ เห็นร่องรอยแตกของสี(หินอ่อน)ที่ผนังได้ชัดเจน
ศาลาหรือที่เรียกว่า "เรือ"หิน ที่แล่นจริงไม่ได้นี้ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของสวนจีนโบราณ ใช้สำหรับนั่งชมทิวทัศน์ภายในสวน นอกจากที่อี๋เหอหยวนแล้ว สามารถไปชมเรือหินโบราณได้ในสวนแบบเจียงหนานอีก 5 แห่งที่ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เมืองซูโจว เมืองหยางโจว และเมืองหนานจิง(นานกิง)
เรือหินภายในสวนจัวเจิ้งหยวน The Humble Administrator's Garden สวนที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมืองซูโจว
photo credit : https://zh.wikipedia.org/
และเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ในวัฒนธรรมจีนนั้น "มังกร" คือสัญลักษณ์ของฮ่องเต้ ส่วน "หงส์" คือสัญลักษณ์ของฮองเฮา แต่ในสมัยของจักรพรรดิ์เสียนเฟิง ถงจื้อ และกวางสูนั้น มีพระนางซูสีไทเฮาคอยว่าราชการหลังม่านตลอดทั้ง 3 รัชกาล
ที่ด้านหน้าตำหนักเหรินโซ่วเตี้ยน (Hall of Benevolence and Longevity) ที่ซูสีไทเฮาใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการ มีจัดวางกระถางกำยานรูปมังกรและหงส์ ทำจากสำริด อย่างละ1คู่ โดยปกติตามธรรมเนียมจะวางมังกรไว้คู่ใน หงส์จะอยู่ถัดไปเป็นคู่นอก แต่ที่อี๋เหอหยวน ซูสีไทเฮาโปรดให้วางหงส์ไว้คู่ด้านใน มังกรไว้ด้านนอก เพื่อแสดงอำนาจความยิ่งใหญ่ของตนเองที่มีเหนือจักรพรรดิ์
รูปปั้นหงส์ที่อี๋เหอหยวน เป็นกระถางจุดกำยานทำจากสำริด ที่หลังของหงส์มีช่องให้จุด และควันจะพวยพุ่งออกมาทางปาก ว่ากันว่างานฝีมือช่างที่เห็นว่าสวยแล้ว สวยประณีตสู้งานช่างสมัยฮ่องเต้เฉียนหลง ซึ่งเป็นสมัยที่ราชวงศ์ชิงรุ่งเรืองถึงขีดสุดไม่ได้เลย
ด้านในตำหนักเหรินโซ่วเตี้ยนเป็นที่ตั้งของบัลลังก์มังกร ตำแหน่งจัดวางตามแบบเดิมสมัยฮ่องเต้กวางสูและซูสีไทเฮาใช้งาน ด้านหน้าบัลลังก์เป็นกระถางกำยานสำริดรูปนกกระเรียนหลายคู่ ด้านหลังวางฉากสลักคำว่า โซ่ว มีความหมายว่าอายุยืนนาน เขียนเป็นอักษรจีนแบบต่างๆทั่วทั้งฉากกว่า 200 คำ
นอกจากบัลลังก์ที่ตั้งแสดงอยู่กลางตำหนักตามที่เห็นในปัจจุบันแล้ว ยังมีสิ่งของตกแต่งอื่นๆที่ทางวังเก็บรักษาไว้ ตามบันทึกเขียนไว้ว่า เฉพาะในตำหนักนี้หลังเดียว มีของตกแต่งถึงพันกว่าชิ้น นอกจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ชั้นดีแล้ว ยังมีของมีค่าอื่นๆอีกมาก ทั้งฉากกระจกบานใหญ่ โถสำริด เตากำยาน เครื่องกระเบื้องกังไส กลองสำริด ชุดน้ำชาหยก ฯลฯ นับเป็นวังที่มีของมีค่าดั้งเดิมเหลือให้ชมเป็นจำนวนมหาศาล
ทางพิพิธภัณฑ์วังฯก็มีการนำเอาสิ่งของมีค่าเหล่านี้มาหมุนเวียนจัดแสดงให้ชมกันตามวาระต่างๆ อย่างการจัดแสดงกระถางไม้ประดับที่ทำจากหินมีค่า สวยประณีตอลังการขั้นสุด
หรือเฟอร์นิเจอร์จีนคลาสสิคสมัยหมิง-ชิงที่เคยตั้งอยู่ในวังอี๋เหอหยวนแห่งนี้ ก็เคยมีการเอามาจัดแสดง 2ครั้ง (2013, 2014) ส่วนใหญ่ทำจากไม้หายากราคาแพง เช่น ไม้จื่อถาน หวางฮวาหลี หนานมู่ มะฮอกกานี นอกจากคอลเลคชันของอี๋เหอหยวนแล้ว งานเฟอร์นิเจอร์จีนคลาสสิคฝีมือช่างชั้นยอดระดับวังหลวงแบบนี้ ยังมีคอลเลคชันของพระราชวังกู้กงอีกเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่สามารถเทียบเคียงกันได้
เฟอร์นิเจอร์จีนคลาสสิคสมัยหมิง-ชิง 6 ชิ้นที่โดดเด่นของอี๋เหอหยวน จากซ้ายแถวบน :
-เก้าอี้ขนาดใหญ่แบบมีฉากด้านหลัง ไม้จื่อถาน ศิลปะแบบสมัยชิง
-เก้าอี้บัลลังก์ลายมังกรลงรักดำปิดทองฝังงาช้าง ศิลปะชิงตอนต้น
-เก้าอี้หมวกขุนนาง Yokeback chair ไม้หวางฮวาหลี huanghuali ศิลปะสมัยหมิง
**ตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าที่พบทั่วไป แต่ได้รับการยอมรับว่า มีสัดส่วนทรวดทรงที่สวยลงตัวที่สุด
-สตูลไม้หกเหลี่ยมฝังหยกปิดทองกุ๊นขอบทองแดง ไม้จื่อถาน
-สตูลไม้แกะสลักลายโปร่งรูปมังกรลายเส้น ศิลปะชิงตอนกลาง
-สตูลเซรามิคทรงกลอง ลายโปร่งรูปพรรณพฤกษา ศิลปะชิงตอนกลาง
พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวนไม่ได้เป็นแค่สถานที่ แต่คือส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ของระบบกษัตริย์จีน ผ่านความรุ่งเรืองขีดสุด จนถึงการล่มสลายของราชวงศ์
บางคนกล่่าวว่า ซูสีไทเฮาเป็นผู้ที่ทำให้ราชวงศ์ชิง หรือระบบจักรพรรดิ์ของจีนที่มีมากว่าพันปีล่มสลาย แต่ประวัติศาสตร์การเมืองจีนในช่วงนั้นเรียกได้ว่า ย่ำแย่มาตั้งแต่ปลายรัชสมัยของเฉียนหลงฮ่องเต้ ซูสีไทเฮาซึงรอบตัวมีแต่ขุนนางหัวเก่า ประจบสอพลอ การประคองราชวงศ์ให้สืบทอดต่อเนื่องไปได้ ก็นับว่าพระนางไม่ธรรมดาเลย
......................................
subscribe รับข่าวสารทางอีเมล์ ที่นี่ เราสัญญาว่าจะส่งแต่บทความที่มีประโยชน์และโปรโมชั่นเด็ดไปให้ :)
......................................